LINE : @UFAZEED
×

วิธีถอนทุน คืนกำไร ด้วยสูตร Martingale

                การใช้สูตรเดินเงินเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่นักเดิมพันมืออาชีพเลือกใช้ในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยงให้กับตัวเอง ซึ่งสูตรเดินเงินก็มีมากมายหลายสิบสูตรให้ได้เลือกใช้กัน ที่นิยมใช้หรือมีการพูดถึงมากที่สุดก็คงต้องยกให้กับสูตรมาร์ติงเกล (Martingale) ที่เรียกได้ว่ามีความครบเครื่องมากที่สุดทั้งการถอนทุน การคืนกำไร ไปจนถึงใช้กำไรเล่นอย่างเดียว วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับสูตรเดินเงินมาร์ติงเกลให้มากขึ้นว่าเป็นอย่างไร ต้องใช้ยังไง ถึงจะช่วยให้การวางเดิมพันของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทำไมถึงเลือกใช้สูตรมาร์ติงเกล

ความพิเศษของสูตรนี้คือมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้แก้สถานการณ์ได้ในจังหวะที่เล่นเสียได้ และยังสามารถใช้เพียงแค่กำไรเอามาต่อทุนได้เช่นกัน โดยหลักการของสูตรมาร์ติงเกลก็คือการแทงทบที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นสูตรเดินเงินที่มือใหม่ก็ใช้ได้ ไม่ต้องใช้ทักษะชั้นสูง แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าสูตรนี้จะมีอยู่ 3 สูตรย่อยด้วยกันก็คือ Martingale, Super Martingale และ Winning Martingale ซึ่งผู้เล่นจะต้องเลือกใช้ให้ถูกสถานการณ์ ไม่เช่นนั้นแทนที่จะได้กำไร อาจไม่เหลือเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวได้เช่นกัน

ถอนทุนคืนด้วย Martingale

ระบบแรกที่เราจะพูดถึงกันก็คือมาร์ติงเกลหรือแทงทบซึ่งเป็นพื้นฐานของอีกสองสูตรที่เหลือ หลักการของมันก็คือต้องวางเดิมพันเป็นสองเท่าของรอบที่เสียและเมื่อชนะจะต้องหยุดทันที สูตรนี้มีข้อดีตรงที่ช่วยให้เราดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมกับกำไรอีก 1 หน่วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องมีเงินทุนเยอะพอสมควร แล้วถ้าแทงทบมากเกินไปก็อาจชนเพดานเดิมพันของโต๊ะและเสี่ยงที่จะเสียเงินก้อนโตด้วย ดังนั้นจึงนิยมเล่นกันแค่ 5 ตา เพื่อลดความเสี่ยงที่ว่ามา

ยกตัวอย่างเช่น

  • ตาที่ 1 แทง 10 บาท เสีย
  • ตาที่ 2 แทง 20 บาท ยังเสียอยู่ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 20 บาท หักทุนที่เสียตาแรก 10 บาท เหลือกำไร 10 บาท
  • ตาที่ 3 แทง 40 บาท ก็ยังเสียอีก แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 40 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-2 30 บาท เหลือกำไร 10 บาท
  • ตาที่ 4 แทง 80 บาท ยังไม่ชนะ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 80 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-3 70 บาท เหลือกำไร 10 บาท
  • ตาที่ 5 แทง 160 บาท ชนะ ได้กำไร 160 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-4 150 บาท เหลือกำไร 10 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะชนะในในตาไหนเราก็จะได้รับกำไรเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้น สิ่งที่ต้องคิดก่อนใช้สูตร Martingale ก็คือในช่วงเวลาดังกล่าวมีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่เค้าไพ่เข้าทางเรา เพราะหัวใจสำคัญของสูตรนี้ก็คือเราจะเอาเงินทุนคืนมา เพียงแต่กำไรที่ได้มาคือผลพลอยได้เท่านั้น หากจะใช้สูตรนี้เพื่อหวังกำไรบอกได้เลยว่าได้ไม่คุ้มเสี่ยงอยู่แล้ว นอกจากนี้สูตรมาร์ติงเกลยังเหมาะกับการแทงตาแรกน้อย ๆ หรือแทงขั้นต่ำ เพราะมีโอกาสที่จะไม่ชนเพดานมากกว่าการเปิดเกมด้วยยอดสูง

คืนกำไรด้วย Super Martingale

สูตรนี้ได้รับการพัฒนามาจากแนวคิดที่ว่าไหน ๆ กำไรที่ได้รับควรจะคุ้มค่าความเสี่ยงด้วย วิธีการใช้งานก็ยังคงเป็นการแทงทบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเงินทุนอีก 1 หน่วยที่เราจะยัดมันเข้าไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจตรงที่เวลาเราชนะจะได้กำไรของทุกตาที่เสียไป แต่นั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่คือเราต้องมีเงินทุนที่หนามาก แล้วต้องระวังเรื่องชนเพดานและเสี่ยงเสียเงินก้อนใหญ่มากกว่าเดิม

ยกตัวอย่างเช่น

  • ตาที่ 1 แทง 10 บาท เสีย
  • ตาที่ 2 แทง 30 บาท ยังเสียอยู่ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 30 บาท หักทุนที่เสียตาแรก 10 บาท เหลือกำไร 20 บาท
  • ตาที่ 3 แทง 70 บาท ก็ยังเสียอีก แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 70 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-2 40 บาท เหลือกำไร 30 บาท
  • ตาที่ 4 แทง 150 บาท ยังไม่ชนะ แต่ถ้าชนะจะได้กำไร 150 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-3 110 บาท เหลือกำไร 40 บาท
  • ตาที่ 5 แทง 310 บาท ชนะ ได้กำไร 310 บาท หักทุนที่เสียในตาที่ 1-4 260 บาท เหลือกำไร 50 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นว่าเงินทุนที่เราต้องใช้ในสูตรนี้ต้องเยอะมาก ๆ แค่เล่นขั้นต่ำตาละ 10 บาท ยังต้องมีเงินเผื่อไว้ไม่น้อยกว่า 570 บาท และเพื่อไม่ให้เกิดแรงกดดันจนตัดสินใจผิดพลาดเราอาจต้องเตรียมเงินไว้มากถึง 1,000 บาท หรือ 10 เท่าของขั้นต่ำ ถึงจะเป็นระยะปลอดภัย อย่างไรก็ตามสูตรนี้เรายังคงใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการถอนทุนจริง ๆ และต้องมั่นใจว่าเมื่อแทงทบไปถึงตาที่ 5 แล้วจะไม่ชนเพดานของโต๊ะจนไปต่อไม่ได้ ไม่อย่างนี้ถึงจะได้เงินคืนก็ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปแน่นอน

ใช้กำไรเล่นด้วย Winning Martingale

สูตรนี้น่าจะถูกใจใครหลายคนโดยเฉพาะสายที่ชอบความเสี่ยงต่ำ ทำกำไรสูง เพราะเป็นสูตรที่เสี่ยงน้อยที่สุด เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋ามากที่สุดในบรรดาตระกูลมาร์ติงเกล แนวคิดของสูตรนี้ก็คือใช้ทุนเพียงหน่วยเดียวกับกำไรที่ได้มาวิ่งทำเงินต่อไป วิธีการใช้ก็ยังคงความเป็นสูตรแทงทบเช่นเคย ต่างกันตรงที่หากชนะก็จะเล่นสูตรต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะครบ 5 ตา หรือแพ้

 

ยกตัวอย่างเช่น

  • ตาที่ 1 แทง 10 บาท ชนะได้กำไรมา 10 บาท
  • ตาที่ 2 แทง 20 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรจากรอบที่ 1) ชนะได้กำไรมา 20 บาท กำไรสะสม 30 บาท
  • ตาที่ 3 แทง 40 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรสะสม) ชนะได้กำไรมา 40 บาท กำไรสะสม 70 บาท
  • ตาที่ 4 แทง 80 บาท (ใช้ทุน 10 บาท กับกำไรสะสม 70 บาท) ชนะได้กำไรมา 80 บาท กำไรสะสม 150 บาท
  • ตาที่ 5 แทง 160 บาท ชนะ ได้กำไร 160 บาท กำไรสะสม 310 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่าสูตรนี้เสียอย่างมากก็แค่ทุน 1 หน่วย กับกำไรที่ได้มาทั้งหมดก็เท่านั้น ซึ่งมีข้อดีตรงที่เราจะทบแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องเพดานเดิมพัน หากตันก็แค่ไปเริ่มรอบใหม่กำไรก็ยังคงอยู่ หรือถ้าสู้และโชคดีจนตาสุดท้ายก็ได้กำไรมากถึง 31 เท่า หรือ 3,100% ถือว่าเยอะมาก ๆ แต่ก็นั่นแหละอยากได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องตั้งเป้าบริหารความโลภกันเอาเอง

แล้วอย่างนี้ควรใช้สูตรเดินเงินไหนดี

ถ้าจะให้ตัดสินใจว่าใช้สูตรไหนดี ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่าต้องการใช้สูตรเพื่อทำอะไร หากต้องการถอนทุนและมีเงินเยอะอยู่แล้วก็อาจจะเลือกใช้ Martingale หรือ Super Martingale แต่ถ้าไม่ชอบเสี่ยง อยากเล่นสนุก ๆ ไม่ซีเรียสกับการทำกำไร Winning Martingale ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ทั้งนี้ก็ต้องดูปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นเงินในกระเป๋า ยอดเดิมพันสูงสุดที่จะต้องทบในตาที่ 5 เดิมพันสูงสุดที่โต๊ะกำหนดไว้ ที่สำคัญไม่ควรเล่นด้วยแรงกดดันสูง ๆ เพราะมีโอกาสที่เราจะตัดสินใจผิดพลาดได้ง่ายยิ่งขึ้น