LINE : @UFAZEED
×

เสือมังกร เกมเล่นไวที่ต้องใช้สูตรเดินเงิน

ใครที่ชอบเล่นบาคาร่าก็น่าจะรู้จักเสือมังกรหรือ Tiger & Dragon กันมาบ้าง เพราะไพ่สองอย่างนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นไพ่พี่ไพ่น้อยเลยก็ว่าได้ แต่เสือมังกรเป็นไพ่ที่มีความไวในการเดิมเกมมาก แค่ไพ่ใบเดียวก็ตัดสินแพ้ชนะกันได้ในไม่กี่วินาทีแล้ว จึงทำให้คนส่วนใหญ่ทำกำไรจากไพ่นี้ได้ไม่ค่อยเยอะ บางคนยังหัวร้อนเกินไปทำให้เสียหมดตัวได้ในพริบตา ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีวิธีที่จะเอาชนะไพ่ชนิดนี้ได้ไม่ยาก บทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับสูตรเดินเงินที่ว่ากันว่าสามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสทำกำไรได้ดีเลยทีเดียว

รู้จักกับไพ่เสือมังกร

อย่างแรกเลยต้องทำความเข้าใจก่อนว่าแม้ไพ่เสือมังกรนั้นจะมีความคล้ายกับไพ่บาคาร่ามาก ๆ ใช้ไพ่หลายสำรับเล่นเหมือนกัน มีการเลือกฝั่งเดิมพันเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็คือ เสือมังกรใช้ไพ่แค่ใบเดียวในการตัดสินผลแต่ละเกม ไม่มีการเรียกไพ่เพิ่มเหมือนกับไพ่บาคาร่า จึงใช้เวลาเล่นน้อยกว่า

สาเหตุที่ทำให้คนส่วนใหญ่สับสนคิดว่าไพ่สองชนิดนี้คือตัวเดียวกันก็คือการวางเดิมพัน เนื่องจากเราต้องเลือกว่าจะแทงฝั่งไหนระหว่าง เสือกับมังกร ตรงนี้จะคล้ายกับบาคาร่าที่มีเจ้ามือกับผู้เล่น ฝั่งไหนที่มีแต้มมากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะ อัตราความเสี่ยงที่จะแพ้หรือชนะอยู่ที่ครึ่งต่อครึ่ง หรือราว ๆ 50% จึงทำให้ไพ่นี้เป็นอีกไพ่ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้บาคาร่า

เสือมังกรเล่นอย่างไร

สำหรับการเล่นเสือมังกรในแต่ละตาเราจะมีเวลาให้วางเดิมพันประมาณ 15-40 วินาที ซึ่งเดิมพันที่วางไปสามารถเลือกได้ว่า เสือชนะ (Tiger), มังกรชนะ Dragon) หรือ เสมอ (Tie) แต่บางโต๊ะบางเว็บอาจมีตัวเลือกให้วางเดิมพันมากกว่านี้ เมื่อหมดเวลาดีลเลอร์จะปิดรับเดิมพันและทำการแจกไพ่ให้ฝั่งละ 1 ใบ

เมื่อแจกไพ่เสร็จแล้วดีลเลอร์จะเปิดไพ่เพื่อวัดแต้ม ฝั่งไหนที่มีแต้มสูงกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ หากมีผลเท่ากันถือว่าเสมอ กรณีที่วางเดิมพันฝั่งเสือ หรือมังกร แล้วผลออกมาเสมอ จะเสียเดิมพันครึ่งหนึ่ง เช่น แทงมังกรชนะ 20 บาท ผลคือเสมอ เราจะได้รับเดิมพันคืนแค่ 10 บาท ส่วนอีก 10 บาทเสียให้กับคาสิโน

วิธีนับแต้มไพ่

การนับแต้มเสือมังกรจะต่างจากบาคาร่าตรงที่ไพ่ทุกใบจะมีแต้มมากกว่า 0 และดอกไพ่จะไม่มีผลต่อการตัดสินแพ้ชนะ โดยไพ่แต่ละใบจะมีค่าหรือแต้มดังนี้

  • ไพ่หน้า A มีค่า 1 แต้ม
  • ไพ่หน้า 2 – 10 มีค่าเท่ากับหมายเลขหน้าไพ่
  • ไพ่หน้า J มีค่า 11 แต้ม
  • ไพ่หน้า Q มีค่า 12 แต้ม
  • ไพ่หน้า K มีค่า 13 แต้ม

เสือมังกรจ่ายยังไง

ด้วยความนิยมของเกมเดิมพันนี้ ทำให้มีรูปแบบการวางเดิมพันและอัตราจ่ายที่หลากหลาย แต่เราจะมาดูอัตราจ่ายพื้นฐานสำหรับการเดิมพันทั้ง 3 รูปแบบดังนี้

  • วางเดิมพันฝั่งเสือ หากชนะได้กำไร 1 เท่า แพ้เสียเต็ม เสมอเสียครึ่ง
  • วางเดิมพันฝั่งมังกร หากชนะได้กำไร 1 เท่า แพ้เสียเต็ม เสมอเสียครึ่ง
  • วางเดิมพันฝั่งเสมอ หากผลเป็นเสมอได้กำไร 8 เท่า หากฝั่งใดฝั่งหนึ่งชนะเสียเต็ม

กฎเหล็กเสือมังกร

การเดินเกมที่รวดเร็วของเสือมังกรเป็นเหมือนกับดาบสองคมที่ซ่อนอยู่ นั่นก็คือเมื่อใดก็ตามที่เราเล่นแบบใช้อารมณ์ เล่นกันอย่างไม่มีสติ แม้จะได้เงินไวแต่ก็ทำให้หมดตัวไวด้วยเล่นกัน แล้วยิ่งตัวเลือกในการวางเดิมพันน้อยยิ่งทำให้ไม่ต้องคิดอะไรมากว่าจะแทงอะไร ส่วนใหญ่มักจะวางเดิมพันไปแบบไม่มีกลยุทธ์ ซึ่งอันตรายมาก ๆ โดยเฉพาะนักเล่นมือใหม่

เพิ่มกำไร ลดความเสี่ยง ด้วยสูตรเดินเงิน

แม้ว่าเสือมังกรจะเป็นเกมพนันที่ใช้เวลาเร็วและมีความเสี่ยงต่ำ การทำกำไรในระยะสั้นนั้นจึงค่อนข้างยาก ยิ่งเล่นหลายตาก็จะยิ่งทำให้เราเสียเปรียบคาสิโนมากขึ้น สูตรเดินเงินเลยเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนได้ดีกว่า ลดความเสี่ยงที่จะหมดตัว โดยเฉพาะสูตรเดินเงิน Martingale ที่นักเดิมพันทั่วโลกต่างยอมรับว่ามันคือสูตรที่ดีสำหรับเกมนี้

อย่างไรก็ตามก่อนจะใช้สูตรเดินเงิน สิ่งที่ต้องทำคือแบ่งเงินของเราออกเป็นหน่วยลงทุนเสียก่อน อาจจะแบ่งด้วยเดิมพันขั้นต่ำของโต๊ะก็ได้ สมมติว่าเราไปเจอโต๊ะที่วางเดิมพันขั้นต่ำ 10 บาท เรามีเงินอยู่ 1,000 บาท เราอาจจะแบ่งเป็นหน่วยละ 10 บาท มันก็จะทำให้เราเล่นโต๊ะนี้ได้มากถึง 100 ตา เป็นต้น

สูตรเดินเงิน Martingale

สูตรนี้เราอาจคุ้นหูกันในชื่อสูตรแทงทบหรือสูตร 5 ไม้ เป็นสูตรเดินเงินที่สามารถเอาไปใช้ได้กับทุกเกมที่มีอัตราส่วนได้เสียพอ ๆ กัน หลักการทำงานคือเราจะวางเดิมพันทั้งหมด 5 ครั้ง ต่อหนึ่งรอบการใช้สูตร โดยทุกครั้งที่แพ้ตาต่อไปจะเพิ่มเดิมพันเป็นหนึ่งเท่า เมื่อชนะจะทำให้ได้เงินที่เสียไปกลับมาพร้อมกำไรอีก 1 หน่วยเสมอ วิธีใช้ก็คือ

  • ครั้งที่ 1 วางเดิมพัน 1 หน่วย ถ้าชนะก็เริ่มครั้งที่ 1 ใหม่ หากแพ้ไปครั้งที่ 2
  • ครั้งที่ 2 วางเดิมพัน 2 หน่วย ถ้าชนะก็เริ่มครั้งที่ 1 ใหม่ หากแพ้ไปครั้งที่ 3
  • ครั้งที่ 3 วางเดิมพัน 4 หน่วย ถ้าชนะก็เริ่มครั้งที่ 1 ใหม่ หากแพ้ไปครั้งที่ 4
  • ครั้งที่ 4 วางเดิมพัน 8 หน่วย ถ้าชนะก็เริ่มครั้งที่ 1 ใหม่ หากแพ้ไปครั้งที่ 5
  • ครั้งที่ 5 วางเดิมพัน 16 หน่วย ไม่ว่าแพ้หรือชนะถือว่าจบรอบสูตร

ข้อควรระวัง

ถึงสูตร Martingale จะช่วยดึงเงินที่เสียไปกลับคืนมาพร้อมทำกำไรให้เรา แต่ก็อย่าลืมว่ายิ่งเล่นนานยิ่งมีโอกาสเสียมากขึ้นตามหลักค่า House Edge ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเราชนะก็ถือว่าได้กำไรมาแล้ว ก็ควรหยุดพักก่อนหรือเปลี่ยนโต๊ะก็ได้ แต่ถ้าเสียจะเห็นได้ว่าต้องมีการแทงทบไปเรื่อย ๆ หมายความว่าทุนเราก็จะต้องมีมากด้วย สมมติว่าเล่นตาละ 10 บาท หนึ่งรอบสูตรในกรณีที่แพ้หมดจะต้องใช้เงิน 10+20+40+80+160 = 310 บาท หากมีเงินน้อยเกินไปอาจทำให้เราทุนหมดเสียก่อนที่จะเล่นครบ 5 ครั้งได้เหมือนกัน